ความสนใจในการลงทุนกับสินค้าโภคภัณฑ์มีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งสินค้าในกลุ่มนี้ยังมีให้เลือกลงทุนหลากหลายประเภท ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เมื่อนักลงทุนให้ความสนใจต่อสินทรัพย์ใด ควรจะมีการศึกษาสินทรัพย์นั้น ๆ ให้เกิดความเข้าใจก่อนว่า คุ้มค่าและน่าลงทุนจริงหรือไม่ ซึ่งข้อมูลในบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าใจและตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง
การแบ่งประเภทเพื่อการกำหนดราคาสินค้าโภคภัณฑ์
สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) คือ กลุ่มวัตถุดิบขั้นพื้นฐาน ที่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมการผลิต เพื่อนำไปใช้ในการผลิตสินค้า ซึ่งในแวดวงการลงทุนจะแบ่งสินค้าโภคภัณฑ์ออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน คือ Soft Commodities วัตถุดิบที่ได้จากการเพาะปลูก ที่ต้องเร่งแปรรูปเนื่องจากไม่สามารถเก็บเอาไว้ได้นาน เช่น อ้อย, ข้าว, ข้าวโพด, เมล็ดกาแฟ, เมล็ดโกโก้ และพืชผลทางการเกษตรอื่น ๆ เป็นต้น
สินค้าโภคภัณฑ์อีกหนึ่งกลุ่มคือ Hard Commodities วัตถุดิบที่ได้จากการสกัดหรือการขุดเป็นหลัก เช่น น้ำมันดิบ, ทองคำ, ทองแดง และก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น
โดยราคาสินค้าโภคภัณฑ์นับเป็นอีกหนึ่งกลุ่มสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง เนื่องจากวัตถุดิบทั้ง 2 กลุ่มที่กล่าวมามีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจโลกเป็นอย่างมาก ดังนั้นปัจจัยแวดล้อมที่ทำให้ราคาเกิดความเคลื่อนไหวรุนแรงประกอบไปด้วยอะไรบ้าง เราไปศึกษาข้อมูลกันต่อเลย
3 ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ด้วยสินค้าโภคภัณฑ์เป็นวัตถุดิบที่มีความสำคัญต่อความต้องการใช้ของคนทั่วโลก ดังนั้นจึงมีอยู่หลายปัจจัยด้วยกันที่ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เกิดความเปลี่ยนแปลง ซึ่งประกอบไปด้วย
รายได้และจำนวนประชากร
รายได้และจำนวนประชากร มีความสำคัญต่อการกำหนดอุปสงค์ โดยการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรจะส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในประเภทที่แตกต่างกัน อย่างในประเทศที่มีจำนวนประชากรเยอะ แต่มีรายได้ต่ำ ความยืดหยุ่นในการใช้เงินเพื่อใช้จ่ายในด้านอาหารจะมีสัดส่วนที่น้อยกว่าประเทศที่มีรายได้สูง ดังนั้นเมื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ประชากร จะทำให้เกิดความต้องการใช้เงินเพื่อซื้ออาหารมากกว่าประเทศที่มีรายได้สูง ราคาของสินค้าจะถูกกดดันจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น จนทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง
ประสิทธิภาพในภาคการผลิต
ประสิทธิภาพในภาคการผลิต จะเป็นตัวกำหนดอุปทาน โดยแต่ละประเทศจะสามารถตอบสนองความต้องการซื้อได้ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความพร้อมในอุตสาหกรรมการผลิต ความพร้อมในด้านแรงงาน ความพร้อมของเงินทุน และความพร้อมของทรัพยากรภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นที่ดินที่ใช้เพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์ แหล่งน้ำ และปริมาณของทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ ทั้งหมดนี้จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาวัตถุดิบโดยตรง
ปัจจัยที่เกิดจากความไม่แน่นอน
ความไม่แน่นอนคือปัจจัยที่ยากจะควบคุม เพราะเป็นการเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน จนส่งผลกระทบต่อระบบอุปสงค์และอุปทาน อย่างเรื่องความแปรปรวนของสภาพอากาศอันเกิดจากภาวะโลกร้อน ที่ทำให้ภาคการเกษตรและปศุสัตว์ได้รับผลกระทบทบ หรือแม้แต่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อยู่ในกลุ่มของวัตถุดิบที่เกิดขึ้นจากทรัพยากรธรรมชาติอย่างน้ำมันดิบ ก็ได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนด้วยเช่นกัน ดังนั้นความไม่แน่นอนจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาวัตถุดิบเกิดความผันผวน
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์แปรเปลี่ยนไปด้วยปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ และไม่ได้ขึ้นอยู่กับทรัพยากรธรรมชาติภายในประเทศเพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงทรัพยากรธรรมชาติทั่วโลก ดังนั้นหากนักลงทุนต้องการเทรดสินทรัพย์กลุ่มโภคภัณฑ์ ควรเลือกประเภทสินทรัพย์ที่ตัวเองให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะจะทำให้การวิเคราะห์แนวโน้มสามารถทำได้ง่าย และไม่น่าเบื่อ